วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บ้านต้นศิลป์

บ้านต้นศิลป์


     เป็นทั้งบ้านและสตูดิโอของบริษัทต้นศิลป์ สตูดิโอ ซึ่งมีสถาปนิกอยู่ทั้งสิ้นหนึ่งคน คือ พี่โหน่ง หรือ คุณ ชาตรี ลดาลลิตสกุล ซึ่งก็เป็นทั้งเจ้าของบ้าน และเจ้าของบริษัทด้วย ผลงานการออกแบบ ของบริษัทนี้มีมากมาย รวมถึงบ้านหลังนี้เองก็ได้รับรางวัล สถาปัตยกรรมบ้านดีเด่นระดับเหรียญทองด้วย 


     แนวทางการออกแบบบ้านเกิดจาก การนำเอาประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของพี่โหน่งมาใช้ร่วมกับการออกแบบ คือ เดิมทีพี่โหน่งเป็นคนเหนือ เป็นคนชนบท จากการที่พี่โหน่งชอบชีวิตแบบสมัยตอนเด็ก จึงได้นำกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบพื้นถิ่นภาคเหนือ มาใช้ในการออกแบบ จะเห็นว่าวัสดุหลักๆนั้น เป็นไม้ และมีปูนเปลื่อยซึ่งเป็นวัสดุที่พี่โหน่งชื่นชอบเป็นการส่วนตัวและมีความถนัดด้านนี้มากมาใช้ร่วม จึงทำให้บ้านหลังนี้ มีกลิ่นอายของความร่วมสมัย ผสมผสานกันอย่างลงตัว
   
     นอกจากจะเป็นบ้าน เป็นสตูดิโอแล้ว ยังเป็นโรงเรียนสอนดนตรีของแฟนพี่โหน่งอีกด้วย โดยจะใช้พื้นที่ด้านล่างตั้งในในห้อง ยาวออกมาถึง โถ่งใหญ่กลางบ้าน


     ทัศนียถาพในห้องทำงานนั้นจะเห็นว่ากระจกด้านหน้า ไม่มีเส้นกรอบกระจกอะไรมาบัง เพื่อให้รับวิวได้ดีที่สุด

     บริเวณของชั้น 3 นั้นเป็นห้องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญเนื่องจากเดิม พี่โหน่งตั้งใจจะให้เป็นห้องใต้หลังคา แต่ด้วยเหตุต่างๆ จึงทำให้ห้องนี้ขยายกว้าง และกลายเป็นส่วนใช่งาน อีกส่วนหนึ่งของบ้าน คือ เป็นที่นั่งทำงาน และ gallery ซึ่งเป็นส่วนที่มีบรรยากาศดีมากๆ

     ในความคิดของพี่โหน่งนั้น ถือเป็นประโยชน์มากๆ พี่โหน่งได้เล่าเรื่องหลายๆอย่างให้ฟัง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สำคัญของสถาปนิกคือ ทัศนคติ ซึ่งสิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับตัวผู้ออกแบบเอง การมองคุณค่าของสิ่งต่างๆก็ต่างต่างกัน หากดูอย่างเช่นคนญี่ปุ่นแล้ว คนญี่ปุ่นจะมองถึงความงามมาก อาจอยู่เหนือกว่าคุณค่าเสียอีก
      และยังได้อีกแนวทางในการทำงานนั้นคือ พี่โหน่งจะมีกระบวนการทำงานเพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น คือ วิเคราะห์ ตั้งเป้าหมาย แนวทางการออกแบบ และ ภาษาทางการออกแบบ ซึ่ง 4ข้อ นี้ก็ถือเป็นเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ในการทำงาน และตรวจสอบงานได้ทั้งหมด

MLC

MLC

(MAHIDOL LEARNING CENTER)


      MCL เป็นอีกศูนย์รวมใจหนึ่งของนักศึกษา ม.มหิดล เป็น ที่ๆนักศึกษาจะ ผ่านทุกวัน มาพบปะ ได้เจอกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้ที่กลายเป็นใจกลางมหาวิทยาลัยที่มีชีวิตชีวา
     สิ่งที่น่าสนใจของMLC มีหลายอย่าง ทั้งการวางผัง การเลือกใช้วัสดุ รวมถึงแนวคิดต่างๆในการออกแบบด้วย ซึ่งทุกๆส่วนก็เป็นส่วนช่วยให้ที่นี้เป็นสถานที่ประสบความสำเร็จและได้รับรางวัล สถาปัตยกรรมดีเด่นที่สมควรเผยแพร่ ประจำปี 2559


    ลักษณะของผังอาคาร MLC นั้นไม่ใช้เกิดจากการตั้งอาคารของมาลอย เป็นเกิดจากการคำนึงและนำเอาบริบทรอบๆมาใช้ร่วมในการออกแบบ เพื่อที่จะให้อาคารนี้เป็นจุดศูนย์รวมใจแห่งใหม่ของมหาวิทยาลัย 
อนุเสาวรีย์ดอกกันภัย
      อนุสาวรีย์ดอกกันภัยมหิดล เป็นดอกไม่ประจำมหาลัย เป็นจุดศุนย์กลางและแกนกลางของอาคาร ซึ่งเป็นจุดที่มีทางเข้าออกทางด้านซ้ายและขวาของอาคาร ที่นักศึกษาจะใช้เป็นทางผ่านในทุกๆวัน


      ลักษณะการวางผังอาคารนั้นเกิดจากการดึงเอาผังมาสเตอร์แปลนมาทำงานร่วม คือจากเส้นแกนกลางของอาคารที่ดอกกันภัยนั้น จะเป็นเส้นแกนเดียวกับ พระราชานุสาวรีย สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชนก หรือที่ชาวมหิดลเรียกว่า พระบิดา และเป็นแกนต่อ ยาวไปถึง หอประชุมมหิดล สิทธาคาร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นคุณค่าอย่างหนึ่ง ที่นักศึกษาเดินผ่านเส้นทางเส้นนี้ทุกวันก็จะเป็นการซึมซับคุณค่าไปในตัว 

     การวางผังภายในอาคาร มีการกำหนดความความสำคัญของตำแหน่งแต่ละจุดแตกต่างกัน อย่างเช่น เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึง ความเป็นมหิดลได้ง่าย จึงได้จัดวางห้อง หอจดหมายเหตุหรือพิพิธภัณฑ์ ของมหาวิทยาลัยไว้ทางเข้าด้านข้างซึ่งเป็นหนึ่งทางเข้าหลักของอาคาร และจะมีการจัดว่างส่วนของฝ่ายสำนักงาน ไว้ด้านบน เทคเนคการจัดผังอาคารคือ การวางส่วนของที่คนใช้งานมาก และมีความสำคัญมาก ไว้ด้านล่างเพื่อให้คนสะดวกต่อการใช้งาน
 
    

การลงสำรวจพื้นที่โรงเรียนรุ่งอรุณครั้งที่ ๑

การลงสำรวจพื้นที่โรงเรียนรุ่งอรุณครั้งที่ ๑
      ในการออกแบบนี้สิ่งสำคัญคิดการทำความเข้าใจพื้นที่ การทำความเข้าใจผู้ใช้กลุ่มเป้าหมาย และจะยิ่งสำคัญมากๆหากพื้นที่ออกแบบเป็นพื้นที่ของส่วนรวม จะยิ่งต้องทำคความเข้าใจถึงระบบเส้นทางสัญจรของผู้ใช้งาน กิจกรรมที่ต่างๆที่เกิดขึ้น และความสัมพันธ์ในส่วนออกแบบกับพื้นที่บริเวณโดยรอบ
โรงเรียนรุ่งอรุณอยู่กันแบบเป็นเหมือนชุมชนหมู่บ้านหนึ่ง จะเห็นว่าที่นี่มีธรรมชาติมีต้นไม้ค่อนข้างมาก มีบึงขนาดใหญ่ซึ่งก็มีต้นไม้ปกคลอมรอบบึง หากนำต้นไม้ออกเราก็จะพบกับอาคารมากมายซึ่งตั้งอยู่รอบๆ ซึ่งต้นไม้นี่เองที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียน 
โรงเรียนให้ความสัมคัญกับงานศิลปะค่อนข้างมากๆ 

ที่มีสอนห้เราเรียนรู้อยู่กับการทำงานจริงๆ อยู่กับธรรมชาติ ซึ่งก็จะเห็นว่า ก็จะใช้ต้นไม้นี่เองเป็นตัวแบ่งพื้นที่ต่างๆ รวมถึงเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆเข้าด้วยกัน
ในส่วนของพื้นที่ออกแบบนั้นอยู่บริเวณด้านหน้าโรงช้าง ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ที่สำหรับจอดรถ และเป็นเส้นทางขนของสำหรับร้านกระยาทิพย์และสานอักษร จะเห็นว่าผู้ใช้สว่นใหญ่จะใช้เส้นทางที่มีลักษณะบ่องชี้ว่าคิดทางเดิน เช่นทางที่มีหลังคาคลุม หรือทางเดินริมน้ำที่เป็นพื้นไม้ยกสูง และปัจจุบันผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็จะใช้พื้นที่ตรงรา้านกระยาทิพย์และโรงช้างเป็นที่นั่งพูดคุย พบปะกันในยามเช้าเมื่อมาส่งลูกๆ พื้นที่ที่สร้างความสัมพันธ์ และจะเกิดกิจกรรมเช่นนี้ ไม่เพียงแค่สำหรับผู้ปกครองแต่คิดว่า ควรจะมีที่สำหรับนักเรียนเช่นกัน
นอกจากจะลงไปสังเกตุพฤติกรรมของผู้ใช้ในพื้นที่แล้วยังได้ ทำการสอบถ้าผู้ใช้ทั้ง เด็กนักเรียน ครูอาจารย์ บุคลากร รวมถึงผู้ปกครอง ถึงเป็นเด็นต่างๆในพื้นที่เช่น หากพื้นที่นี้เปลี่ยนแปลงไป คิดว่าจะเป็นอย่างไร คิดว่าพื้นที่นี้ขาดหรือต้องการอะไรเพิ่มเติม คิดว่าสิ่งสำคัญในพื้นที่นี้คืออะไร ซึ่งจากคำตอบที่ได้ก็จะนำเข้าไปสู่กระบวนการออกแบบ และ program เพื่อการออกแบบที่เหมาะสมที่สุด

Show&Shared

Show & Shared
      เป็นกิจกรรมของทางสถาบันอาศรมศิลป์ที่จัดขึ้นทุกปี เป็นงานที่เปิดโอกาสให้แต่ละสตูดิโอของสถาปนิก รวมถึง นักศึกษาสถาปัตยกรรม มาแบ่งปันผลงานพูคุยกัน ว่าในว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ทำอะไรกันไปบ้าง ซึ่งแต่ละสตูดิโอก็จะมีแนวผลงานที่แตกต่างกัน อย่างเช่นสตูดิโอออกแบบก็จะมีผลงานค่อนข้างเยอะเพราะมีหลายทีมงาน ซึ่งก็จะมาโชว์ผลงานการออกแบบทั้งที่สร้างแล้วและอยู่ระหว่างกระบวนการ ก็มีผลงานที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น งานทางด้านเอกชน และงานที่ได้มากจากทางรัฐ แต่ละงานก็จะมีจุดประสงค์และเป็นหมายที่ต่างกัน หรือจะเป็นสตูดิโอชุมชน ซึ่งการทำงานก็จะต่างจากสตูดิโอออกแบบอย่างมากนั้นคือการลงชุมชน พูดคุยกับชาวบ้าน ไม่เพียงแค่ออกแบบสถาปัตยกรรมแต่ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ บริบทต่างๆที่จะเกิดขึ้นซึ่งเป้าหมายก็คือเพื่อพัฒนาให้ชุมชนได้อยู่กันอย่างมีความสุขไม่ความแตกแยก ในสว่นของนักศึกษาก็ได้โชว์ผลงานที่ผ่านมาเช่นกันซึ่งก็ได้การตอบรับ รวมถึงคำแนะนำจากพี่สถาปนิกที่จะนำไปพัฒนางานต่อบ้าง
      ในงานนี้เราได้แรงบันดาลใจมากมายในการออกแบบจากผลงานต่างๆของพี่ๆสถาปนิก ถึงแม้จะไม่ได้รู้ลึกมาก แต่เราได้เห็นผลงานที่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่นลานกีฬาพัฒฯ ที่สามารถสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับชุมชน นั้นก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่อาจเป็นแรงผลักดันหรือแรงจูงใจในการทำงานของนักศึกษาอย่างเราๆ ช่วยตอกย้ำว่าอาชีพเรานี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ แต่มาสารถสร้างความสุขให้กับผู้คนได้อีกมากมาย